การชำระเงินออนไลน์เป็นหัวใจสำคัญของการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล ดังนั้นการเลือกใช้ระบบชำระเงินที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ในบทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบแพลตฟอร์มชำระเงินออนไลน์ยอดนิยมอย่าง PayPal, Payoneer และ Skrill เพื่อให้เราได้เห็นข้อดีและข้อเสียของแต่ละแพลตฟอร์ม และสามารถเลือกใช้งานได้ตรงตามจุดประสงค์มากขึ้น
PayPal ผู้นำตลาดที่มีประสบการณ์ยาวนาน
Paypal เป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดนิยมสำหรับการชำระเงินออนไลน์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1998 และมีฐานผู้ใช้งานกว่า 400 ล้านรายทั่วโลก รองรับการทำธุรกรรมในสกุลเงินกว่า 25 สกุลเงิน จุดแข็งหลักของ PayPal คือความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง เช่น การเข้ารหัสข้อมูล การยืนยันตัวตน
Payoneer ตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับฟรีแลนซ์และธุรกิจขนาดเล็ก
Payoneer เป็นระบบชำระเงินออนไลน์ที่เน้นการให้บริการแก่ฟรีแลนซ์และธุรกิจขนาดเล็ก จุดเด่นของ Payoneer คือค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า PayPal และมีบริการเสริมอย่างบัตรเดบิตสำหรับการถอนเงินสดจากตู้ ATM นอกจากนี้ Payoneer ยังมีระบบติดตามการชำระเงินที่ดี ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการการชำระเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตาม Payoneer อาจไม่เป็นที่รู้จักมากนักเมื่อเทียบกับ PayPal
Skrill ตัวเลือกสำหรับธุรกิจที่มีฐานลูกค้าระดับโลก
เป็นระบบชำระเงินดิจิทัลที่มีฐานผู้ใช้งานกว่า 20 ล้านรายใน 200 ประเทศทั่วโลก จุดเด่นของ Skrill คือรองรับการทำธุรกรรมในสกุลเงินมากกว่า 40 สกุลเงิน และสามารถโอนเงินระหว่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ Skrill ยังมีบริการเสริมอย่างการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ทำให้เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีฐานลูกค้าระดับโลก
ตารางเปรียบเทียบค่าธรรมเนียม
ประเภทค่าธรรมเนียม | PayPal | Payoneer | Skrill |
ค่าธรรมเนียมการชำระสินค้า/บริการ | ไม่มีค่าธรรมเนียม | ไม่มีค่าธรรมเนียม | ไม่มีค่าธรรมเนียม |
ส่งเงินระหว่างบัญชี | ไม่มีค่าธรรมเนียม | ไม่มีค่าธรรมเนียม | 2.99% |
การรับชำระเงินภายในประเทศ | 3.90% + ค่าธรรมเนียมคงที่ 11 บาท | 1 % | ไม่มีค่าธรรมเนียม |
การรับชำระเงินระหว่างประเทศ | 4.40% +ค่าธรรมเนียมคงที่ 11 บาท | 0-1% ขึ้นอยู่กับประเทศต้นทาง | ไม่มีค่าธรรมเนียม |
ถอนเงินไปยังบัญชีธนาคารไทย | ยอดถอนเงินน้อยกว่า 5,000 บาท มีค่าธรรมเนียม 50บาท | ไม่มีค่าธรรมเนียม | 1.75 % |
ถอนเงินไปยังบัญชีต่างประเทศ | $35.00 | ไม่เกิน 3% ของจำนวนเงิน | สูงสุด 4.99% |
การแปลงสกุลเงิน | 3-4% | 0.5% | 3.99% |
ค่าธรรมเนียมบัญชีรายปี | ไม่มีค่าธรรมเนียม |
$29.95 หากมีรายรับน้อยกว่า $2,000 |
ไม่มีค่าธรรมเนียม |
ด้านการใช้งาน
PayPal
- มีกระบวนการที่ค่อนข้างยุ่งยากและเข้มงวดสำหรับผู้ค้ารายใหม่ ต้องมีการส่งเอกสารและอนุมัติ
- สามารถลิงก์กับร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มต่างๆ ได้หลากหลาย
- มีแอปพลิเคชันบนมือถือ ช่วยให้สามารถจัดการบัญชีและทำธุรกรรมได้อย่างสะดวก
- เป็นที่นิยมมากกว่า ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายคุ้นเคยกับการใช้งาน
- รองรับภาษาไทย
Payoneer
- มีความยืดหยุ่นและความรวดเร็วในการเริ่มต้นใช้งานหรือการสมัครบัญชี
- เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มออนไลน์บางแพลตฟอร์ม แต่ไม่ได้รองรับร้านค้าทุกแพลตฟอร์ม ผู้ใช้งานอาจต้องติดตั้งหรือตั้งค่าเพิ่มเติม
- มี Global Payment Service ที่สามารถรับชำระเงินได้หลากหลายช่องทางทั่วโลก
- มีแอปพลิเคชันบนมือถือ แต่มีฟังก์ชันจำกัด
- ในบางประเทศ Payoneer อาจยังไม่นิยมมากนัก ทำให้การใช้งานอาจไม่สะดวกเท่าที่ควร
- รองรับภาษาไทย
Skrill
- มีข้อกำหนดในการเปิดบัญชีที่ไม่เข้มงวดมากนัก
- สามารถเชื่อมต่อกับร้านค้าออนไลน์ได้บางแพลตฟอร์มเท่านั้น และอาจต้องติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- มีแอปพลิเคชันบนมือถือสำหรับจัดการบัญชีและทำธุรกรรม
- มีระบบที่ค่อนข้างใช้งานง่ายสำหรับการชำระเงินออนไลน์ระหว่างบุคคล
- ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมในบางประเทศ อาจทำให้การใช้งานไม่สะดวกสบาย
- ยังไม่รองรับภาษาไทย
ด้านความปลอดภัย
PayPal
- มีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดและได้รับการยอมรับในระดับสากล
- มีระบบ PayPal Purchase Protection ช่วยคุ้มครองผู้ซื้อจากการไม่ได้รับสินค้าหรือได้รับสินค้าไม่ตรง
- ใช้มาตรฐานการเข้ารหัสข้อมูลระดับสูง และการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (Multi-Factor Authentication) เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้
- มีทีมงานด้านความปลอดภัยที่คอยตรวจสอบการทุจริตและการทำธุรกรรมที่น่าสงสัยอยู่ตลอด
- อาจพบปัญหาการถูกปิดบัญชีกะทันหันได้ หากระบบตรวจพบการใช้งานที่น่าสงสัย
Payoneer
- มีระบบความปลอดภัยในระดับสูง รวมถึงการเข้ารหัสข้อมูลตามมาตรฐาน
- อาจพบปัญหาบ้างในการอนุมัติธุรกรรมบางประเภท หากมองว่าเป็นธุรกรรมที่น่าสงสัย
- ไม่มีระบบประกันความเสี่ยงสำหรับผู้ซื้อ จึงต้องระมัดระวังปัญหาการไม่ได้รับสินค้า/บริการ
Skrill
- มีมาตรการด้านความปลอดภัยในระดับดี แต่อาจยังไม่ได้รับการยอมรับเท่ากับ PayPal
- บางครั้งยังพบปัญหาเกี่ยวกับการอนุมัติหรือปฏิเสธธุรกรรมบางรายการโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน
- ไม่มีระบบประกันความเสี่ยงที่ชัดเจนสำหรับผู้ซื้อ มีนโยบายคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีถูกหลอกลวงหรือมีธุรกรรมผิดปกติ แต่มีเงื่อนไขที่ค่อนข้างเข้มงวด
ด้านการบริการลูกค้า
PayPal
- มีฝ่ายบริการลูกค้าสำหรับคนไทย สามารถติดต่อสอบถามปัญหาการใช้งานได้ทางโทรศัพท์ อีเมล และไลฟ์แชท
- เว็บไซต์และศูนย์ช่วยเหลือรองรับภาษาไทย ช่วยอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ใช้งานคนไทย
- การตอบสนองในเรื่องการแก้ไขปัญหาและการตอบคำถามต่างๆ ค่อนข้างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
Payoneer
- มีฝ่ายบริการลูกค้าสำหรับคนไทยเฉพาะทางอีเมล ส่วนช่องทางโทรศัพท์ และไลฟ์แชทยังไม่รองรับภาษาไทย
- มีศูนย์ช่วยเหลือ และคู่มือเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้งานชาวไทย
- การตอบคำถามและแก้ไขปัญหาจากลูกค้าค่อนข้างช้า และตอบไม่ค่อยตรงประเด็น
Skrill
- ไม่มีฝ่ายบริการลูกค้าที่รองรับภาษาไทย
- เว็บไซต์ไม่รองรับภาษาไทยและศูนย์ช่วยเหลือเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้งานชาวไทย
- ระยะเวลาในการตอบกลับคำถาม/ปัญหาใช้เวลานาน
สรุปการใช้งานระหว่าง PayPal และแพลตฟอร์มชำระเงินออนไลน์อื่นๆ
สำหรับการใช้งานในประเทศไทย PayPal นับว่าเป็นระบบชำระเงินออนไลน์ที่ได้รับความนิยมและมีข้อได้เปรียบในหลายๆ ด้าน ทั้งความปลอดภัย ความสะดวกในการใช้งาน รวมถึงการบริการลูกค้าที่สะดวกและรวดเร็วสำหรับผู้ใช้งานชาวไทย ในขณะที่ Payoneer และ Skrill อาจมีข้อจำกัดในเรื่องนี้มากกว่า แต่ทั้งสองระบบนี้อาจมีจุดเด่นในด้านอื่นๆ เช่น ค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า และแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ได้ เป็นต้น