ความแตกต่างระหว่าง PayPal Personal Account และ Business Account

PayPal นับเป็นหนึ่งในบริการรับชำระเงินออนไลน์ยอดนิยมที่สุดในปัจจุบัน ด้วยความสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย และการเข้าถึงได้จากทั่วทุกมุมโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่มีผู้ใช้งานอยู่มากมายทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจยังสับสนว่าบัญชี PayPal ทั้ง 2 ประเภท คือ บัญชีส่วนบุคคล (Personal Account) และบัญชีสำหรับธุรกิจ (Business Account) นั้นมีความแตกต่างกันยังไง ซึ่งความแตกต่างเหล่านี้มีผลต่อการตัดสินใจเลือกใช้งานอย่างมาก และในบทความนี้ เราจะพาไปเปรียบเทียบความแตกต่าง รวมถึงรายละเอียดสำคัญอื่นๆ ระหว่างบัญชี PayPal ทั้งสองประเภท เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกใช้ประเภทบัญชีได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการในการใช้งาน

บัญชีบุคคล (Personal Account)

  • ตอบโจทย์การใช้งานส่วนตัวและการทำธุรกรรมพื้นฐานระหว่างบุคคล 
  • ใช้สำหรับการซื้อสินค้าออนไลน์, การชำระค่าบริการ หรือค่าสมาชิกต่างๆ โดยไม่มีค่าธรรมเนียม
  • สามารถใช้รับเงินจากเพื่อนหรือครอบครัวได้ แต่มีการคิดค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม

ข้อดี

  • การเปิดบัญชีมีความง่ายและรวดเร็ว โดยใช้แค่ข้อมูลพื้นฐาน และข้อมูลบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ก็สามารถเปิดบัญชีได้ทันที 
  • การทำธุรกรรมผ่าน PayPal ได้รับการรับรองด้านความปลอดภัยสูงสุด ช่วยป้องกันข้อมูลส่วนตัวและการโจรกรรมข้อมูล

ข้อจำกัด

  • การทำธุรกรรมมีวงเงินจำกัด
  • ไม่สามารถรับชำระค่าสินค้า/บริการเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มที่
  • มีโอกาสที่บัญชีจะถูกระงับสูง ในกรณีที่มีการตรวจพบกิจกรรมผิดปกติหรือเข้าข่ายการขายสินค้าเชิงพาณิชย์
  • เสียค่าธรรมเนียมสำหรับการรับเงิน

ค่าธรรมเนียมหลัก ๆ สำหรับบัญชีบุคคล

  • ค่าธรรมเนียมการรับเงินอยู่ที่ 3.9 – 4.4 % + ค่าธรรมเนียมคงที่
  • ค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
  • ค่าธรรมเนียมการถอนเงิน (หากขั้นต่ำไม่ถึง 5,000 บาท)
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 %

บัญชีธุรกิจ (Business Account)

    • รองรับการทำธุรกิจและการขายสินค้า/บริการในเชิงพาณิชย์มากกว่าบัญชีส่วนบุคคล
    • มีเครื่องมือและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการ
    • เหมาะสำหรับร้านค้าออนไลน์, ฟรีแลนซ์ หรือธุรกิจที่ต้องการรับชำระเงินจากลูกค้าทั่วโลก

    ข้อดี

    • รับชำระเงินจากลูกค้าได้อย่างไม่จำกัด ไม่ต้องกังวลว่าบัญชีจะถูกระงับเนื่องจากปริมาณธุรกรรมที่มากเกินไป
    •  ผูกบัญชีกับเว็บไซต์/ร้านค้าออนไลน์ได้
    • มีเครื่องมือสำหรับจัดการคำสั่งซื้อ, ติดตามสถานะจัดส่ง ฯลฯ 
    • ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและการบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    ข้อจำกัด

    • ขั้นตอนการยืนยันตัวตนที่ซับซ้อนกว่า และจำเป็นต้องมีการจดทะเบียนธุรกิจ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความยุ่งยากในด้านเอกสารเพิ่มมากขึ้น

    ค่าธรรมเนียมหลัก ๆ สำหรับบัญชีธุรกิจ

    • ค่าธรรมเนียมการรับเงินอยู่ที่ 3.9 – 4.4 % + ค่าธรรมเนียมคงที่
    • ค่าธรรมเนียมอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
    • ค่าธรรมเนียมการถอนเงิน (หากขั้นต่ำไม่ถึง 5,000 บาท)
    • ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7 %

     

สรุปความแตกต่างระหว่าง Personal Account และ Business Account

  • บัญชีบุคคล (Personal Account) เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปที่ต้องการทำธุรกรรมรับ-ส่งเงินระหว่างบุคคล หรือซื้อสินค้าและบริการออนไลน์สำหรับการใช้งานส่วนตัว ขั้นตอนการสมัครง่ายและลดความเสี่ยงจากการถูกระงับบัญชี แต่มีข้อจำกัดด้านวงเงินและประเภทของธุรกรรม
  • บัญชีธุรกิจ Business Account มุ่งเน้นไปที่ผู้ประกอบธุรกิจและการค้าขายสินค้าเชิงพาณิชย์มากกว่า มีการรับชำระเงินแบบไม่จำกัด สามารถผูกบัญชีกับแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ รวมถึงฟีเจอร์การจัดการธุรกิจต่างๆ  ทำให้เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจออนไลน์, ผู้ค้าขายสินค้า และฟรีแลนซ์
  • ในส่วนของอัตราค่าธรรมเนียมการรับเงินของทั้ง 2 ประเภทบัญชี ไม่มีความแตกต่างกัน
    •